ปวดคอ ปวดไหล่ ไหล่ติด สาเหตุและอาการ นี่คือการส่งสัญญาณเตือนจากร่างกายแล้วว่า เราใช้งานหนักเกินไป ไม่ก็มีจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียแบบเรื้อรังในระยะยาวก็ได้ ดังนั้นเรามาลองดูกันว่า จะป้องกันและรักษา ดูแลร่างกายของเราอย่างไรดี
ฉบับนี้ผู้เขียนมีเรื่องราวของกรณีศึกษาอีกเคสหนึ่งมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามกันค่ะ เคยได้ยินไหมคะว่า โรคภัยไข้เจ็บของคนในยุคปัจจุบันนี้มักมากับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี่ต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วสิ่งใดๆ ในโลก แม้มีประโยชน์ หากใช้ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกทาง มักก่อให้เกิดโทษมหันต์ เฉกเช่นเดียวกับเทคโนโลยี่อันล้ำยุคในปัจจุบันที่เรียกกันว่ายุคของ Social media ผู้คนติดต่อสื่อสารกันผ่านโลกอินเตอร์เน็ต ติดสมาร์ทโฟน ติดแทปเลท ติด ipad iphone หันไปทางไหนก็เห็นคนก้มมองจอตลอดเวลา ผู้คนสื่อสารกันแบบไม่ต้องเห็นหน้า ไม่ต้องสบตา พิมพ์ตัวอักษรผ่านเครื่องมือซึ่งมีขนาดเล็ก หากลองหลับตานึกภาพก็จะเห็นท่าทางของผู้คนที่ก้มคอ คางยื่น หลังค่อม ไหล่งุ้ม ตัวงอมาด้านหน้า ฯลฯ อยากจะบอกท่านผู้อ่านว่าท่าทางทั้งหมดนั้นส่งผลเสียต่อโครงสร้างร่างกายมากๆ เลยค่ะ
ปวดคอ ปวดไหล่ ไหล่ติด เล่นมือถือนาน
สำหรับฉบับนี้เป็นเรื่องราวของคนไข้อายุ 67 ปีที่ติดเล่นเกมส์ในสมาร์ทโฟน ท่านอ่านแล้วอาจอมยิ้มได้นะคะ ผู้เขียนไม่ได้เขียนผิดค่ะ ท่านแจ้งว่าท่านเกษียณนานแล้ว อยู่บ้านเฉยๆ ลูกเลยซื้อสมาร์ทโฟนให้ ท่านบอกว่าท่านติดเกมส์ชนิดหนึ่งซึ่งดูเหมือนใครๆก็ติดเกมส์ชนิดนี้ เกมส์นี้เป็นการเล่นที่ต้องใช้นิ้วและข้อมือทั้งสองข้างในการทำงานค้างไว้ตลอด นิ้วหัวแม่มือทั้งสองเป็นตัวควบคุมปุ่มในการกระโดดและการสไลด์ ส่วนนิ้วอื่นๆ ต้องเกร็งอยู่ในท่างอ อุ้งมือต้องงอตลอดเพื่อถือสมาร์ทโฟน ข้อมือเกร็งงอค้างไว้ ศอกอยู่ในท่างอค้างตลอดเวลา ไหล่จะงุ้มงอและลำตัวจะค่อมพับมาด้านหน้า คอก้ม คางยื่นจากการจ้องมองจอเพื่อคอยลุ้นตลอดเวลา ฯลฯ เป็นอย่างไรบ้างคะ ท่าทางเช่นนี้หากเล่นทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง ก็คงไม่พ้นต้องมีปัญหาเรื่องโครงสร้างร่างกายแน่นอนที่สุดค่ะ
เคสนี้บอกว่าท่านเริ่มมีอาการปวดก้านคอก่อน จึงไปนวดรักษา สบายขึ้นค่ะแต่ไม่หาย และในขณะที่ปวดท่านก็ยังเล่นเกมส์เหมือนเดิม จากปวดก้านคอธรรมดา ก็เริ่มปวดท้ายทอย ปวดร้าวขึ้นขมับ กระบอกตา และยิ่งไปกว่านั้น มีอาการปวด ตึง ลึกๆ ล้าๆ ร้าวแปลบๆ ไปตามบ่า สะบัก ต้นแขน ร้าวไปถึงศอกและข้อมือ เวลาเป็นหนักๆ จะรู้สึกชาที่ข้อมือและนิ้วมือ หากฝืนเล่นต่อจะรู้สึกเหมือนโทรศัพท์จะหลุดจากมือเลยค่ะ เคสนี้เป็นมาประมาณ 3 เดือน ปวดมากจนถึงขั้นยกแขนซ้ายไม่ขึ้น ถ้ายกแขนจะรู้สึกเสียวบริเวณหน้าหัวไหล่ ปวดร้าวไปหมด เหมือนไหล่ติด ยกแขนใส่เสื้อผ้ายังลำบาก จะเอื้อมจับหรือถือของก็จะมีอาการดังที่กล่าวมา
ท่านบอกว่าอาการทรุดลงเรื่อยๆ ทั้งที่ทานยาแก้อักเสบและแก้ปวด บวกกับไปนวดรักษาแต่อาการก็ทรงๆ จนมาวันนี้ปวดตลอดเวลา ขยับแขนแทบไม่ได้ ที่เป็นมากเพราะท่านหยุดเล่นเกมส์ไม่ได้ค่ะ เวลาอยู่ว่างๆ ท่านบอกว่าเหงาไม่รู้จะทำอะไร แบบนี้ต้องโทษลูกๆ ที่ซื้อสมาร์ทโฟนแล้วแถมโหลดเกมส์ให้อีกค่ะ ความจริงมีกิจกรรมดีๆ ที่ควรแนะนำให้ผู้ใหญ่ไม่เหงาและสร้างภูมิต้านทานทางจิตใจให้ท่านด้วยค่ะ
โครงสร้างของ คอ บ่า ไหล่ แขน
หากพูดถึงโครงสร้างของคอ บ่า หัวไหล่ รวมทั้งแขนแล้ว ยากที่จะพูดเป็นส่วนๆ เพราะโครงสร้างทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกันแบบแยกไม่ได้ ขอกล่าวเป็นข้อๆ ตามลักษณะของเนื้อเยื่อแต่ละชนิดนะคะ
- กระดูก (Skeletal Bone) เริ่มตั้งแต่กระดูกต้นคอ ก้านคอ (Cervical spine) จนถึงหัวไหล่(Shoulder girdle & scapular) แล้วต่อไปเป็นกระดูกต้นแขน( Humerus bone) แขน และกระดูกปลายแขน (Radius & ulna) จนไปถึงนิ้วมือ(Carpals & phalanges) ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายมือ กระดูกแต่ละชิ้นจะเชื่อมต่อกัน สรุปได้ว่าเมื่อมีการบาดเจ็บข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่งและไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องปัญหาก็จะกระทบไปถึงส่วนต้นและส่วนปลายของข้อนั้นๆ ด้วยค่ะ
- เส้นเอ็นที่เชื่อมข้อ / เยื่อที่เชื่อมกระดูกเข้าหากัน (Ligament / interosseous membrane) เป็นเยื่อหุ้มที่เป็นตัวเชื่อมกระดูกเข้าหากัน ซึ่งถ้ามีการบาดเจ็บเรื้อรังก็จะทำให้เยื่อตรงนี้เกิดพังผืด และทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้ค่ะ
- กล้ามเนื้อ (Muscle) กล้ามเนื้อเชื่อมต่อกันตั้งแต่คอมาที่หัวไหล่และต่อมาถึงแขน กล้ามเนื้อที่ไม่สมดุลเป็นตัวดึงให้ข้อต่อตั้งแต่คอ บ่าหน้าต่อหัวไหล่ ผิดไปจากแนวโครงสร้างฯ และทำให้เกิดอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อด้านหน้าอก ซึ่งเกาะจากไหล่ไปอก เวลาอยู่ในท่างุ้มไหล่ หลังค่อม กล้ามเนื้อรั้งมากๆ ก็ดึงกระดูกหัวไหล่ให้ดันมาทางด้านหน้า มีผลดันเส้นประสาทด้านหน้า ซึ่งอาจทำให้เส้นเอ็นด้านหน้าหัวไหล่โดนเบียด เกิดการอักเสบ ปวดร้าวลงแขน หรืออาจไปดันเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขนให้ตึงตัวมาก จึงเกิดอาการปวดร้าวลงแขนได้เช่นเดียวกัน บางรายพบว่าการตึงรั้งของกล้ามเนื้อด้านหน้าคอหรือหน้าอก เป็นแรงดันให้กระดูกคอเกิดแรงกดลงที่หมอนรองกระดูกคอมากกว่าปกติ จนทำให้หมอนรองกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย ท่านใดที่มีอาการดึงรั้งมากๆ จะรู้สึกเมื่อยคอและบ่าอยู่เป็นประจำค่ะ
- เส้นประสาทและเส้นเลือด เป็นเส้นเดียวกันตลอดแนวตั้งแต่คอจนถึงปลายมือเลยค่ะ เห็นไหมคะว่าเพียงการเล่นเกมส์ที่เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การใช้ชีวิตประจำวันปกติของคนทำงานหรือการเล่นกีฬาที่ใครๆ คิดว่าน่าจะแข็งแรงไม่ควรเจ็บปวด กลับส่งผลต่อร่างกายจนถึงขั้นใช้แขนไม่ได้ และที่สำคัญส่งผลต่อจิตใจคือต้องเจ็บปวด เกิดความกังวล และสร้างความความหงุดหงิดรำคาญใจ ในการใช้ชีวิตประจำวัน การเล่นกีฬาหรือแม้แต่การนอน เพราะในบางรายเวลาปวดมาก แม้นอนหลับก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ ถือเป็น การรบกวนการพักผ่อน ระบบในร่างกายก็รวนหมดค่ะ ยิ่งพักผ่อนไม่เพียงพอก็ยิ่งส่งผลต่ออาการปวดให้เพิ่มมากขึ้น
ปวดคอ ปวดไหล่ ไหล่ติด หาสาเหตุเพื่อรักษา
เมื่อทราบความเชื่อมโยงของระบบโครงสร้างคอ บ่า หัวไหล่ รวมทั้งแขนแล้วนะคะ ทีนี้เรามาดูกันว่ากลไกลการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้นั้นเป็นอย่างไร? แล้วสำหร้บเคสนี้หายได้ภายในเวลาเท่าไหร่?
เนื่องจากกลไกลการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในแต่ละพฤติกรรมที่แตกต่าง แต่ทำให้เกิดปัญหาเหมือนกันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง จากเคสของคนไข้อายุ 67 ปีที่ติดเล่นเกมส์ในสมาร์ทโฟน จึงทำให้เราได้ทราบความเชื่อมโยงของระบบโครงสร้างคอ บ่า หัวไหล่ รวมทั้งแขนแล้วว่าระบบในร่างกายนั้นถูกจัดไว้เป็นระเบียบแบบแผน เอื้อต่อการทำงานที่ประสานกันอย่างลงตัว
ส่วนการทำงานของข้อต่อหัวไหล่นั้น หากจะให้ทำงานได้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ต้องอาศัยทั้งความยืดหยุ่นของตัวข้อต่อ , ตำแหน่งการวางตัวของกระดูกต่างๆ และการทำงานที่ประสานกันของกล้ามเนื้อซึ่งไม่ใช่เพียงมัดใดมัดหนึ่ง แต่เป็นการประสานงานที่เรียกว่า แรงคู่ควบ (Couple movement)
สาเหตุเพราะกล้ามเนื้อแต่ละส่วนที่อยู่รอบหัวไหล่ จะมีจุดเกาะเชื่อม มาจากคอเกือบทั้งสิ้น รวมทั้งลายกล้ามเนื้อก็ทอดพาดผ่านทั้งด้านหน้าและด้านหลังของหัวไหล่ ที่สำคัญข่ายรากประสาทจากคอก็พาดผ่านด้านหน้าหัวไหล่ไปยังแขน (Brachial plexus) ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมใดก็ตามที่คออยู่ในท่าก้ม คางยื่น หัวไหล่งุ้มงอ หลังค่อม ลำตัวก้มมาด้านหน้า ทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อด้านหน้าและด้านหลัง ถ้าเป็นช่วงคอก็เสมือนคอถูกแรงดึงกระชากลงมาด้านหน้าตลอดเวลาที่นั่งผิด เกิดแรงอัดที่หมอนรองกระดูกคอ กล้ามเนื้อมัดลึกที่ให้ความมั่นคงของกระดูกคอจะอ่อนกำลังลง หมอนรองกระดูกคอจะแคบ เมื่อมีการกดเบียดที่รากประสาทก็จะทำให้มีอาการปวดลึกๆ แปลบๆ ร้าวมาด้านหน้าหัวไหล่ ร้าวลงศอก ร้าวมาต้นแขนด้านหลังและร้าวถึงสะบักก็เป็นได้ ในกรณีที่กล้ามเนื้อด้านหน้าอกหดยึดสั้นจากการงุ้มไหล่ กอดอก การเล่นกีฬาที่ออกแรงเหวี่ยงแขนมาด้านหน้านั้น จะทำให้หัวกระดูกต้นแขน ( Head of humerus bone) ถูกดันมาด้านหน้า จากกล้ามเนื้อที่เชื่อมโยงหัวไหล่ไปสะบัก จึงเป็นแรงดึงให้สะบักกางออกจากแนวกระดูกสันหลังมากกว่าปกติ ไม่วางขนานกับกระดูกสันหลัง โยงไปถึงกล้ามเนื้อที่เกาะจากขอบกระดูกสะบักไปกระดูกสันหลังก็ถูกดึงรั้งตามมา (บางรายอาจสังเกตเห็นแนวกระดูกสันหลังคด-บิด) เป็นเหตุให้เวลายกแขน กระดูกหัวไหล่จะอัดเข้ากับข้อต่อที่เชื่อมอยู่ด้านหน้า ทำให้เอ็นกล้ามเนื้อบริเวณนี้อักเสบ (Impingement syndrome) และหากต้องยกแขนทำกิจวัตรอยู่เรื่อยๆ ซ้ำๆ ทุกครั้งที่ยกก็จะเกิดแรงกดอัด กลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง จนเป็นเหตุให้ไหล่ติดก็มีค่ะ
หากแก้ไขไม่ตรงจุด ปัญหาอาการปวดหรืออักเสบก็จะวนเวียนอยู่เช่นนี้ร่ำไป จากเล็กน้อยก็เริ่มเป็นมากจนเรื้อรังและแก้ไขกันไม่จบไม่สิ้นค่ะ แต่ถ้าเรารู้จักโครงสร้างร่างกาย รู้ถึงกลไกลที่ทำให้บาดเจ็บแล้ว แม้เราไม่มีอาการอะไร ก็ควรต้องป้องกันด้วยการอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อให้ทุกส่วนของร่างกายได้มีการเคลื่อนไหว เพื่อการไหลเวียนเลือด แต่หากท่านใดที่มีอาการชัดเจนและตรงกับที่กล่าวมา ก็ควรเลือกแนวทางในการแก้ปัญหาให้ตรงจุดนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้อาการที่ปวดรู้สึกดีขึ้น เพราะถ้าเพียงแค่นั้นการรักษาที่ใดก็ทำให้ดีขึ้นได้ แต่หากจะจัดการอย่างเด็ดขาด ต้องรักษาที่ต้นตอของสาเหตุที่เป็น สิ่งใดไม่สมดุลก็ปรับให้เกิดความสมดุล พร้อมสร้างความแข็งแรงและความทนทานให้ กับร่างกายเพื่อให้เหมาะสมในการใช้ชีวิตประจำวัน การจัดการได้อย่างถาวรนั้นหมายถึง อาการปวดจะไม่กลับมาเป็นอีก
ซึ่งในส่วนของเคส คนไข้อายุ 67 ปีที่กล่าวถึงนี้ หลังจากดูแลรักษาแล้ว ท่านมีอาการดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์ค่ะ ท่านมาสถาบันอริยะสัปดาห์ละ 2 ครั้ง อาการดีขึ้นเร็วเพราะให้หยุดเล่นเกมส์ และหันมาออกกำลังกาย ที่เป็นการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลค่ะ ให้ฝึกสติในกายหัดปฏิบัติธรรมง่ายๆ ด้วยดูกายเคลื่อนไหวในขณะออกกำลังกาย พร้อมฟังเพลงธรรมะสบายๆ เคสนี้ดีขึ้นทั้งกำลังของร่างกายและกำลังของจิตใจค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลร่างกายให้อยู่ได้โดยไม่ป่วยไข้ ไม่เจ็บปวด คือต้องรู้จักร่างกายค่ะ เหตุเกิดจากตรงไหนก็ไปแก้ที่ตรงนั้น เมื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุลแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องใช้ร่างกายแบบใหม่ ให้เป็น ใช้ให้เหมาะสม ไม่มากไปหรือน้อยไป เมื่อร่างกายได้เข้าสู่ภาวะสมดุลแล้ว ท่าทางใดที่ผิด ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันที
ตัวอย่างเช่น หากอยู่ในท่าที่ผิดนานๆ เขาจะเมื่อยหรือมีอาการปวดให้เห็นทันที เราก็ควรเปลี่ยนอิริยาบถหรือยืดเหยียดให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว ส่วนท่านที่เล่นกีฬาหรือ Fitness ก็ต้องเล่นให้เป็น ก่อนเล่นควรรู้ว่าต้องเตรียมร่างกายอย่างไร? ขณะเล่นท่านใช้งานกล้ามเนื้อมัดใด? และหลังเล่นควรจัดการอย่างไรกับกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งาน ซึ่งท่านจะรู้จักร่างกายท่านได้เป็นอย่างดี หลังการปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุล เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถใช้ร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพตามสมควรแก่กาล โดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลกับโรคร้ายและความเสื่อมอันเกิดจากการใช้ร่างกายนี้เลยค่ะ
ฉบับหน้าพบกับเรื่องราวดีๆได้ใหม่นะคะ อย่าลืม! ฝึกฟังเสียงเตือนจากร่างกายที่กำลังส่งเสียงบอกท่านอยู่ แล้วท่านจะห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างแท้จริง สวัสดีค่ะ
หากสนใจบริการของเรา สามารถคลิกได้ที่ ariyawellness.com/services/
ช่องทางติดต่อ Inbox ทางเพจ Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/ariyawellnesscenter