อาการ “ปวดหลัง”เป็นปัญหาที่พบในทุกเพศทุกวัย และเป็นปัญหาของคนทั่วโลก พบว่า ร้อยละ65 – 80 ของประชากรโลกต้องมีอาการปวดหลังในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต จะเห็นได้ว่า อาการปวดหลังถือเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งสาเหตุของอาการปวดหลังนั้นมีมากมายหลายปัจจัยด้วยกัน และทุกคนต่างก็หาทางแก้ไขอาการนี้ เราต้องสูญเสียกำลัง เสียศักยภาพ เสียทรัพย์มากเท่าไหร่ไปกับอาการนี้ และกว่าครึ่งของผู้ที่ปวดหลังมักมีอาการปวดกลับมาอีกในช่วงชีวิต ดังนั้นหากเราทราบถึงต้นเหตุที่เป็นของอาการนี้ได้ เราจะสามารถป้องกันตัวเองและรักษาตัวเองให้หายขาดได้เช่นกัน
สาเหตุของการปวดหลัง 90% มาจากความผิดปกติของโครงสร้างร่างกาย นั่นคือเป็นความบกพร่องของระบบกระดูกกล้ามเนื้อนั่นเอง อีกเพียง 10% เท่านั้นที่มาจากการเป็นโรคอื่นๆ เช่นมะเร็ง ความบกพร่องของภูมิในร่างกาย โรคไต ฯลฯ สำหรับท่านที่มีอาการนี้ท่านเคยถามตัวเองไหมว่าสาเหตุของตัวท่านเองมาจากไหน?
หลังของเราประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อทั้งหมด 4 ชั้นวางเรียงตัวกันอยู่ แต่ละชั้นก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่เราก็จะให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆที่เป็นชั้นนอกๆ แต่หารู้ไม่ว่ากล้ามเนื้อส่วนที่มีปัญหาบ่อยๆ และเป็นต้นตอของอาการปวดจริงๆ มาจากกล้ามเนื้อมัดลึก ซึ่งเป็นมัดที่ติดกับกระดูกสันหลัง และทำหน้าที่คงให้แนวกระดูกสันหลังอยู่ในแนวความโค้งที่ปกติ ช่วยพยุงและสร้างความมั่นคงให้กับอวัยวะภายในร่างกายด้วย ซึ่งปัญหานี้ถูกมองข้าม จึงไปรักษาอาการที่ปลายเหตุ ทำให้อาการกลับมาเป็นอยู่เรื่อยๆ ไม่หายขาด และเรื้อรังจนมีผลต่อแนวของกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังถือเป็นส่วนที่เป็นทางออกของรากประสาทต่างๆ ที่ไปเลี้ยงอวัยวะ และไปควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหวได้ ควบคุมการรับรู้ความรู้สึกต่างๆที่สำผัสตัวเราจากภายนอก หากความเรื้อรังของอาการปวดกล้ามเนื้อนี้ ส่งผลต่อการเรียงตัวของกระดูกสันหลัง จะทำให้มีปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกทรุดหรือเสื่อม กระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ฯลฯ ซึ่งนั่นหมายถึงการแก้หรือการรักษาก็จะยากมากขึ้นด้วย เพราะเมื่อใดที่ความผิดปกตินี้ มีการรบกวนทั้งระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อ รากประสาท หรือเส้นประสาท การแก้ไขก็ยิ่งต้องทุกระบบที่เกี่ยวข้อง และทุกส่วนของกล้ามเนื้อที่มาเกี่ยวข้องกับหลังด้วย
ปัญหาที่หลายท่านพบคือ รักษาแล้วอาการดีขึ้น แต่จะวกกลับมาเป็นใหม่ จึงทำให้เกิดความกลัว ไม่เปิดใจที่จะหาวิธีรักษา เพราะคิดว่าทำอย่างไรก็ไม่หายขาด ในความเป็นจริงทุกสิ่งเกิดแต่เหตุทั้งสิ้น หากต้องการรักษาให้หายขาดอาจต้องวิเคราะห์ถึงกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ที่มีผลกับหลังด้วย เช่นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อหลัง หรือแม้แต่กล้ามเนื้อชั้นลึกซึ่งเกาะยาวไปตลอดแนวทั้งหลัง ฯลฯ เราต้องทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้ แข็งแรง และทำงานกันได้อย่างสมดุล จึงจะทำให้หายขาดจากอาการปวดหลังได้
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ อิริยาบถในวิถีชีวิต ปัจจัยที่มีผลต่อการปวดหลังมากที่สุดก็คือท่าทางการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง การอยู่ในท่าเดิมนานๆ ต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ยกของ ขับรถ การทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ การใส่รองเท้าส้นสูง ความอ้วน ลงพุง ฯลฯ การเคลื่อนไหวทุกอิริยาบท มีผลต่ออาการปวดหลังและเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังด้วย ดังนั้นการรู้จักตนเองจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาที่ท่านรักษาอยู่ แม้ท่านจะรักษาด้วยวิธีการใดก็ตามจนหายขาด ท่านก็ยังต้องมีสติระลึกรู้ในอิริยาบทที่ถูกต้องในการใช้ชีวิต เพราะหากยังสร้างเหตุที่ผิดท่านอาจมีอาการกลับมาอีกได้ และอาจส่งผลให้เป็นโรคร้ายแรงได้ในอนาคต อย่าลืมว่าเมื่อกายไม่สบายแล้ว ใจก็ไม่สบายตามไปด้วย และไม่ใช่ใจเดียว หากเป็นใจของทุกคนในครอบครัว
ทางเลือกหนึ่งของการรักษาอาการปวดหลังก็คือ การปรับโครงสร้างร่างกาย เพราะ 90% ของอาการปวดหลังมาจากรักษาทั้งกล้ามเนื้อ ข้อต่อ แนวกระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อทั้งตัวที่มีผลต่อหลัง ร่างกายของคนเรากล้ามเนื้อ เส้นโครงสร้างร่างกายที่เสียสมดุลไป จึงต้องปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุล การปรับโครงสร้างร่างกายในที่นี้หมายถึง การดูแลเลือด เส้นประสาทโยงไยกันไปทั้งตัว หากต้องการแก้ที่ต้นเหตุต้องมาวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เป็นเกิดจากกล้ามเนื้อมัดใด ทั้งนี้การปรับโครงร่างกายให้สมดุลยังรวมไปถึงการสร้างกำลังกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทนทาน เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน อาการนั้นๆจึงจะไม่กลับมาอีก การให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเฉพาะบุคคลเพื่อให้เหมาะสมในการทำงาน
หากท่านเป็นคนหนึ่งซึ่งมีอาการนี้อยู่ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรัง กันไว้ก่อนที่จะร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนที่สุดเมื่อท่านมีร่างกายแข็งแรง ก็จะสบายใจไปด้วย และถ้าท่านจะเป็นผู้มีสุขภาพดีอย่างแท้จริง ท่านต้องเป็นผู้ที่แข็งแรงทั้งกายและใจ เพราะ “จิตใจที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง”