ปวดจากกระดูกคด เป็นอาการปวดที่น่ากลัวมาก เพราะอาจนำไปสู่อาการปวดตามที่ต่างๆในร่างกาย ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่านี่คือสาเหตุของการปวด แล้วก็เรื้อรัง ปวดไม่หายตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ปวดคอ สะบัก เอว หลัง สะโพก แล้วถึงขั้นชาแขนและชาขา หรือถึงขั้นปวดศีรษะ จนหลายคนอาจจะนึกว่าเป็นไมเกรน
วันนีเรามารู้จักอาการนี้กันให้มากขึ้นค่ะ
ปวดจากกระดูกคด อาการ
เวลาที่อากาศมีการแปรเปลี่ยน มักทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้นจำเป็นต้องดูแลสุขภาพกันหน่อยค่ะ แต่อยากจะถามว่า หลายท่านเคยเป็นกันบ้างหรือไม่คะ ที่หลายครั้งเรามีอาการปวดบริเวณต่างๆของร่างกาย เช่น ปวดคอ บ่า เอว สะบัก สะโพก ไหล่ หรือถึงขั้น ชาตามแขนและขา และปวดศีรษะ ซึ่งเราไม่พบสาเหตุของโรคซะด้วย
ก่อนหน้านี้หลายท่านอ่านเรื่องปวดคอร้าวลงสะบักแล้วก็มาพบผู้เขียน บอกเพิ่มว่าอาการของเขาเองไม่เพียงแค่ปวดคอ ปวดศีรษะ แต่ยังมีอาการปวดที่หลังและปวดร้าวไปที่ก้นและร้าวลงขาด้วย เป็นมานานเกือบปี หาทางรักษาเท่าไรอาการต่างๆ ก็ไม่ดีขึ้น นอกจากอาการจะไม่ดีขึ้นแล้วซ้ำร้ายยังเป็นหนักมากกว่าเดิมอีก ฟังดูน่าจะทรมานมานานมากอยู่ค่ะ มาดูกันนะคะว่าร่างกายของเคสนี้จะบอกอะไรกับตัวเขาบ้าง
“เคสนี้มีอาการปวดศีรษะด้านขวา ปวดเข้ากระบอกตาขวา บางทีรู้สึกตาหนักมาก ปวดไล่มาตามก้านคอ ลงสะบัก ทำให้หายใจสั้นๆ ถี่ๆ หายใจไม่อิ่ม ปวดบั้นเอวตรงหลังต่อกับเชิงกรานด้านขวา ร้าวลงก้นและร้าวลงด้านข้างของขาด้านขวา อ้อมไปด้านหลังเข่า จนถึงน่อง มีอาการเข่าอ่อนแรง และชาปลายเท้าเป็นบางครั้ง”
ท่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ? เอาง่ายๆเลยในเวลาที่เราปวดเมื่อยแค่จุดเดียวก็รู้สึกรำคาญและหงุดหงิดกับมันมากพอควร แต่เคสนี้ปวดไล่ตลอดทั้งซีกขวา แถมปวดมาเกือบปีอีก คงจะเป็นความทุกข์ทรมานน่าดูค่ะ เคสนี้อยู่ได้ด้วยต้องรักษาตัวมาตลอด มีครั้งที่รู้สักดีขึ้นเมื่อไปทำการรักษาแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการโดยรวมกลับเป็นหนักขึ้น เคสนี้บอกค่ะว่าที่ไปรักษามานั้นเป็นการไล่แก้ตามอาการที่เป็นมากในแต่ละครั้งที่ไป แต่ก็สลับวนๆ ปวดขึ้นๆ ลงๆ อยู่เรื่อยๆ
ปวดจากกระดูกคด สาเหตุจากอะไร
วิเคราะห์จากอาการของเคสนี้ต้องมีเหตุที่เป็นผลกระทบทั้งร่าง ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงค่ะ พอตรวจโครงสร้างร่างกายจึงพบว่า เคสนี้เป็น กระดูกสันหลังคด ที่มีการคดเป็นรูปตัวS ด้วยการที่เคสปวดมาก ร่างกายจึงทดแทนจนทำให้กระดูกสันหลังคดเป็นS รอบครึ่งคือ ไล่จากคอกระดูกคอจะคดไปด้านซ้าย ช่วงสะบักคดไปด้านขวา ส่วนหลังล่างก็คดมาด้านซ้ายอีกรอบ สะโพกขวาจึงยกสูงกว่าซ้ายชัดเจน ทั้งนี้หลังก็งุ้มค่อมมาก เนื่องจากเคสเป็นคนเจ้าเนื้อ หน้าอกใหญ่ด้วยจึงทำให้หลังค่อมลงไปได้ง่าย
ท่านผู้อ่านสงสัยไหมคะว่า การที่หลังคด ทำให้เป็นได้ขนาดนี้เลยหรือ คำตอบคือ ได้แน่นอนค่ะ บางเคสไม่ทราบว่าตัวเองคด ก็ไล่แก้อาการปวดแต่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แก้เพียงอาการ ไม่ได้ปรับโครงสร้างร่างกายให้กลับมาสมดุลแข็งแรง ก็ต้องเทียวรักษากันไปยาวเลยค่ะ เคสนี้ดูอาการหนักมาก ท่านคงคิดว่ารักษายากใช่ไหมคะ? จำได้ไหมคะผู้เขียนเคยกล่าวไว้ว่า การที่เราเสียเวลาหาสาเหตุของอาการนั้นสำคัญมากที่สุด เพราะเมื่อทราบสาเหตุแล้ว การรักษาไม่ยากเลยค่ะ
ในกรณีของเคสนี้ที่กล้ามเนื้อในร่างกายตึง แน่นไปทั้งตัว เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อก็ตึงตัวมาก ซึ่งหลังจากที่ได้รักษาครั้งแรก เคสก็บอกว่ารู้สึกสบายขึ้นทั้งกายทั้งใจ (แต่ยังไม่หายนะคะ) เป็นความรู้สึกหลังการรักษาที่เบาสบายตัวขึ้นทั้งร่างกาย เพราะที่เคสเคยรักษามาจากที่อื่นจะเป็นการรักษาตามอาการ เป็นหนักตรงไหนก็รักษาตรงนั้น พอตรงที่เป็นดีขึ้นก็ไปรู้สึกเป็นมากในอีกที่ จึงทำให้เคสไม่เคยรู้สึกสบายทั้งตัวแบบนี้มาก่อนเลย
ส่วนสิ่งที่รู้สึกถึงความสบายใจจากคำบอกเล่าของเคสคือ เมื่อร่างกายเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกสบายขึ้นทั้งร่าง จิตใจเขาก็โล่งโปร่งสบายขึ้นมาด้วยเลย เคสรู้สึกมีความหวังว่าจะหายได้ อีกอย่างที่ได้ยินจากเคสหลังการรักษาคือ เพิ่งรู้สึกหายใจได้เต็มอิ่มก็วันนี้ หายใจได้สะดวก ลึก และยาวขึ้น ฯลฯ อย่าว่าแต่คนถูกรักษาเลยค่ะ ตัวผู้รักษาเองก็รู้สึกโล่งพอๆ กับที่เคสรู้สึกนั่นแหละบอกตรงๆ ค่ะตอนแรกที่ได้ฟังสิ่งที่เคสเป็นแล้ว คนรักษาก็พลอยเครียดไปด้วยค่ะ พอเคสดีขึ้นก็โล่งไปตามๆ กันค่ะ
รักษาอาการปวดจากกระดูกคด
เคสนี้ต้องวางแผนการรักษาต่อเนื่องอีกสักระยะค่ะ อย่างที่ได้เรียนมาหลายฉบับแล้วว่า ทำให้หายปวดน่ะง่าย แต่ทำอย่างไรให้อาการปวดไม่กลับมาอีกนั้นเป็นเรื่องยากค่ะ เคสนี้ที่สุดแล้วต้องออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดลึก (Deep muscle exercise) เพื่อให้กล้ามเนื้อมัดลึกแข็งแรงและปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุล จึงจะทำให้หายปวดและความปวดไม่ย้อนกลับมาค่ะ
ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจมีความสงสัยว่า ทำไมการที่กระดูกสันหลังคดส่งผลต่อร่างกายได้ขนาดนี้เชียวหรือ ผู้เขียนก็ขออธิบายพอสังเขปนะคะว่ากระดูกสันหลังของคนเรานั้น ไม่ได้แข็งทื่อเหมือนกระบอกไม้ไผ่ และในแต่ละปล้องของกระดูกนั้นต่างมีการเคลื่อนไหวที่ประสานกัน นุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับไขสันหลังและเส้นประสาทที่ออกมาจากข้างกระดูกทั้งหมด ดังนั้นแม้เพียงกระดูกข้อใดข้อหนึ่ง มีการบิดหมุนหรือคดเอียง ไม่อยู่ในสมดุล ก็สามารถส่งผลกระทบไปสู่กระดูกส่วนอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ และกระทบถึงกล้ามเนื้อที่มาเกาะตรงกระดูกนั้นๆ ส่งผลต่อไปถึงระบบการไหลเวียนเลือดและเส้นประสาทด้วย นอกจากนี้ยังกระทบถึงกระดูกส่วนอื่นที่มาเชื่อมกับหลังนั่นคือ กระดูกชายโครง ในชายโครงมีอวัยวะสำคัญคือปอด หากกระดูกหลังคด ชายโครงขยายไม่ได้ การทำงานของปอดก็ขยายได้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการหายใจ ทำให้เหนื่อยง่าย และหายใจลึกไม่ได้ ฯลฯ
ด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าว จึงทำให้เคสนี้มีอาการได้มากมายขนาดนั้น ท่านผู้อ่านเริ่มกลัวกันขึ้นมาบ้างไหมคะ เคยได้ยินคำโบราณ “กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน” แม้เพียงสัญญาณเตือนเล็กน้อยของร่างกาย ท่านก็ไม่ควรละเลยนะคะ ลองสังเกตนิดนึงว่าร่างกายกำลังเตือนอะไรเราอยู่ การตรวจโครงสร้างร่างกาย ถือเป็นการดูแนวโน้ม ดูปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการเจ็บปวดในร่างกายได้ ทุกๆ ท่านไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่? ควรได้ตรวจโครงสร้างร่างกายประจำปี จะได้รู้จักร่างกายตนเองเพื่อการดูแลและป้องกันได้ถูกต้อง
เรามัวแต่กลัวเป็นโรคนั้น โรคนี้ พอผลตรวจร่างกายว่าไม่เป็น เราก็ไม่เคยเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิต หารู้ไม่ว่าร่างกายสุดทนได้เป็นสิบ ยี่สิบปี พอรู้ตัวอีกทีก็ได้โรคแล้ว พร้อมๆ กับแก้ไขให้กลับมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้ โครงสร้างร่างกายเป็นตัวชี้วัดศักยภาพในการทำงาน และการใช้ชีวิตของท่านทุกๆ คนจึงควรตรวจโครงสร้างร่างกายและดูแลให้ถูกต้อง ใช้งานร่างกายให้ได้เต็มประสิทธิภาพอย่างสมดุล ท่านจะเข้าใจว่าความแข็งแรงที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
หากสนใจบริการของเรา สามารถคลิกได้ที่ ariyawellness.com/services/
ช่องทางติดต่อ Inbox ทางเพจ Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/ariyawellnesscenter