อีกไม่กี่วันปีนี้ก็จะผ่านไปอีกหนึ่งปี เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆจนท่านอาจเผลอลืมในสิ่งที่ต้องการจะทำ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ท่านได้ใส่ใจโดยแยบคายก็คือ “ร่างกายและจิตใจ” ของตัวท่านเอง เราพูดกันมาตลอดทั้งปี ก็เพื่อให้ท่านได้เห็นคุณค่าในร่างกายและจิตใจตนเอง หันมาเอาใจใส่ ดูแลตัวเองในแนวทาง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ก่อนที่จะเกิดโรคดีกว่า เพราะหากท่านได้พบคำว่า โรค แล้ว ย่อมยากยิ่งนักต่อการที่จะทำให้ร่างกายที่เคยสมบูรณ์ตามธรรมชาติ กลับมีประสิทธิภาพได้ดังเดิม
ขอรวบรวมต้นเหตุของโรคและอาการต่างๆ ที่ได้พูดถึง ในรอบปีที่ผ่านมา ทบทวนเพื่อให้ท่านได้ตระหนักถึงความสำคัญและนำเอาความรู้เบื้องต้นนี้ไปปฏิบัติใช้ในวิถีชีวิต จนกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องฝืนทำ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ได้มาซึ่งการมีสุขภาพแข็งแรง
ไมเกรน-ปวดศีรษะจากการตึงเครียด เกิดจากกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวมากจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ มีสาเหตุจากการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป จนทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวและจำกัดการไหลเวียนของเลือด ที่ไปเลี้ยงสมอง หรือเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากๆ ตามแนวจุดเกาะของกล้ามเนื้อคอ-บ่า จนมีอาการปวดร้าวขึ้นศีรษะ
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นโรคหนึ่งซึ่งต้นเหตุมาจากระบบกระดูก-กล้ามเนื้อไม่อยู่ในสภาพที่สมดุลและแข็งแรงเพียงพอ ในภาวะปกติของร่างกายที่สมดุล กระดูกจะเรียงตัวกันในแนวความโค้งที่เหมาะสม การทำงานของร่างกายก็เป็นไปอย่างปกติ แต่เมื่อไรที่สมดุลของกล้ามเนื้อเสียไป การเรียงตัวของกระดูกจะไม่อยู่ในแนวที่ถูกต้อง เมื่อร่างกายถูกกระทบจากแรงภายนอก หรือจากการทำงาน ก็จะมีผลต่อการเคลื่อนของหมอนรองกระดูกได้
กระดูกสันหลังคด สาเหตุของกระดูกคด เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมาก แต่ถูกมองข้ามไป นั่นก็คือ อิริยาบทในชีวิตประจำวัน ท่าทางการ ยืน เดิน นั่ง นอน ยกของ ทำงาน ฯลฯ ในท่าที่ผิดสะสมเป็นเวลานานจนกล้ามเนื้อไม่สมดุลส่งผลถึงการเรียงตัวของกระดูกจนเกิดกระดูกสันหลังคด ปัจจุบันพบว่าภาวะกระดูกคด เกิดขึ้นมากในเด็กวัยรุ่น เพราะอยู่ในท่าทางที่ผิด เคยชินเป็นนิสัย จนกลายเป็นบุคลิกภาพ(ที่ไม่ดี) ทำให้กระดูกคด หรือเสื่อมเร็วกว่าเวลาอันควร และยังมีผลต่อพัฒนาการของเด็กอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบในผู้ใหญ่วัยทำงานที่นั่งอยู่ในท่าเดิมที่ผิดๆทั้งวัน ตลอดหลายปี สะสมจนทำให้โครงสร้างระบบกระดูก-กล้ามเนื้อที่เคยเรียงตัวสมดุล กลายเป็นคดโค้งผิดปกติ
โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคยอดฮิตที่มีสถิติการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆของคนไทย เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่ที่สำคัญคือโรคหัวใจ เป็นโรคที่ป้องกันได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะลงมือปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคนี้หรือไม่? ปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเป็นโรคนี้มากก็คือ การมีโครงสร้างร่างกายที่ไม่สมดุล กล้ามเนื้อไม่ยืดหยุ่นดีพอ รวมไปถึงความยึดติดของข้อต่อกระดูกสันหลังก็มีผลมากกับการเป็นโรคนี้ ร่างกายจะค่อยๆแสดงอาการให้เห็นทีละเล็กน้อย อาจเริ่มจากการหายใจขัด หายใจไม่คล่อง เหนื่อยง่าย ปวดแปล๊บที่หน้าอก ตรวจเช็คแล้วก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า หากปล่อยไว้ อาจเป็นโรคได้ ในเวลาอันใกล้ หลังจากที่ได้ลองตรวจเช็คแล้วไม่เจอโรคใดๆ แต่อาการต่างๆยังทรงอยู่ ควรลองตรวจโครงสร้างร่างกายดู เพราะอาการดังกล่าวอาจเกิดจาก การมีโครงสร้างร่างกายที่เสียสมดุลก็เป็นได้
อัมพาต เป็นบทสรุปของคนที่ใช้ร่างกายตัวเองมากเกินไป โดยไม่ดูแล อัมพาตเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด100% แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ 100%อัมพาตเป็นโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของระบบในร่างกาย เป็นความบกพร่องในหลายๆระบบที่เกิดต่อเนื่องกัน เริ่มตั้งแต่การทานอาหาร การอยู่ในท่าทางที่ผิด การใช้ร่างกายหนักเกินไป การเป็นโรคอ้วน โรคกล้ามเนื้อ-กระดูกและข้อ การมีความบกพร่องของระบบเผาผลาญในร่างกาย การมีไขมันสะสมมาก หลอดเลือดไม่สะอาดจากไขมันที่พอกพูนอยู่ (ทำให้เป็นคลอเรสเตอรอลสูง) ก้อนไขมันนี้หากเกิดหลุดลอยไปอุดตันที่หลอดเลือดเล็กๆในอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจหรือสมอง ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และถ้าไปอุดตันเพียงแขนงหลอดเลือดฝอยที่สุดในสมอง อาจทำให้เป็นโรคซึ่งไม่มีใครปราถนานั่นคือ อัมพาต ได้ทันที
ปวดหลัง เป็นโรคที่มีอุบัติการเกิดมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีผลต่อความสิ้นเปลืองในการรักษาพยาบาล การพัฒนาด้านบุคลากร ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศชาติได้เลย เพราะส่วนใหญ่เกิดในวัยทำงาน และสาเหตุมาจากท่าทางการทำงานนั่นเอง อาการปวดหลัง 90 % เกิดจากความผิดปกติ ความไม่สมดุลของระบบกระดูกกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งมักเป็นเรื้อรัง และเป็นๆ หายๆ สร้างความรำคาญอย่างมากในการใช้ชีวิต กระทบต่อสภาวะจิต ทำให้หงุดหงิด เพราะเมื่อมีอาการปวดแล้วจะเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องเหมือนเดิม อาการปวดหลังหากปล่อยไว้นาน รักษาไม่ตรงต้นตอที่เป็น จะส่งเสริมให้กระทบต่อระบบอื่นๆที่เชื่อมโยงกันอยู่ อาจกระทบต่อรากประสาทที่ไปเลี้ยงขา มีผลต่อกระดูกสันหลัง จำกัดการทำงานของอวัยวะภายใน ซึ่งหากดูแลรักษาไม่ตรงจุด ก็มีแต่จะได้แถมโรคอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา
ปวดคอ ปวดบ่า หรือปวดสะบักเป็นอาการที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่หากได้เข้าใจถึงกลไกการเกิดความผิดปกติของภาวะกระดูก-กล้ามเนื้อแล้ว ถือเป็นปวดคออาการเรื่องที่น่ากลัวมากพอสมควร เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ค่อนข้างอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ในคนวัยทำงานเกือบทั้งหมดต้องประสบปัญหานี้อย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ต้องใช้คอมพิวเตอร์นาน/นั่งผิดท่า จนการทำงานของกล้ามเนื้อไม่อาจทานไหวได้ กล้ามเนื้อคอ-บ่า จะเกร็งตัว การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลง เพราะหลอดเลือดที่ผ่านช่องคอ-บ่า ไปศีรษะก็ผ่านทางกล้ามเนื้อเหล่านี้ จากเหตุที่กล้ามเนื้อเกร็ง ดึงรั้งมากจนเกิดปัญหาการเรียงตัวของกระดูกที่ผิดไป ทำให้คออาจผิดรูป กระดูกคอเสื่อมเร็วกว่าปกติ เสี่ยงต่อหมอนรองกระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกแคบลง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการหายใจ เพราะกล้ามเนื้อช่วงคอมีจุดเกาะที่ขึงจากกระดูกชายโครงด้วย หากมีปัญหาก็กระทบโดยตรงต่อระบบการหายใจได้ ไม่เพียงปวดคอ แต่อาจจะมีอาการปวดร้าวขึ้นศีรษะ มึนงง และหายใจติดขัดได้เหมือนกัน
หากมองให้ชัดเจนแล้ว ต้นตอของกลุ่มอาการ ภาวะความผิดปกติ,การป้องกันโรคที่ร้ายแรง ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเรา หากเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด เพราะอยู่กับ กาย-ใจเรานี้เอง เพียงแต่เรามองข้ามและไม่ใส่ใจกับสิ่งต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดโรคได้ สิ่งที่เป็นต้นตอสำคัญก็คือ “พฤติกรรมการใช้ร่างกายตนเอง” ทุกอิริยาบท ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการทำงาน ท่าทางการยืน เดิน นั่ง นอน การเลือกทานอาหาร สภาวะอารมณ์ สิ่งที่กล่าวมาดูเหมือนไม่มาก แต่กลับครอบคลุมคุณภาพชีวิตของท่านเอง ลองย้อนนึกดูแล้วท่านจะเห็นว่าโรคที่เป็น เกิดจากการทานอาหาร พฤติกรรมและภาวะจิตใจนั่นเอง โดยเฉพาะระบบกระดูก-กล้ามเนื้อ หากการใช้ชีวิตอยู่ในท่าทางที่ผิด ซ้ำ ๆ จนก่อให้กล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ ะส่งผลต่อกระดูก ส่งผลต่อโครงสร้างร่างกาย ที่เสมือนเป็นเสาหลัก เป็นกุญแจสำคัญที่จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เป็นระบบที่ทำงานอย่างประสานสอดคล้องกัน เพื่อเป็นกลไกให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นทางผ่านของระบบการไหลเวียนเลือด น้ำเหลือง การกำจัดของเสีย เป็นตัวกลางที่ทำให้สมองสามารถทำงานสั่งการสู่ระบบต่างๆได้อย่างราบรื่น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันนตัวเองให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ คือการทำโครงสร้างร่างกายให้สมดุล การปรับโครงสร้างร่างกายก็คือ การปรับสภาวะของระบบกระดูกกล้ามเนื้อให้สมดุลการเลือกรับประทานอาหาร การทำจิตใจให้เบิกบานเป็นสุข ดูเหมือนไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย หากท่านต้องการชราลงอย่างมีค่า ไม่เป็นภาระใคร ไม่อยากมีโรคภัยไข้เจ็บ วันนี้เป็นโอกาสดี เป็นฤกษ์ดีที่จะเริ่มต้นสร้างภูมิต้านทานโรคภัยไข้เจ็บให้ตนเอง สุขภาพดีหาซื้อไม่ได้ ต้องสร้างเอง ลงมือปฏิบัติจริงในวิถีชีวิต เราหวังจะเห็นทุกท่านเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ความรู้และกิจกรรมดีๆที่สถาบันอริยะ ได้มอบให้เป็นวิทยาทานมาตลอดปี ขอถือเป็นของขวัญปีใหม่ เป็นแนวทางให้ท่านได้เลือกที่จะลงมือทำ เพื่อการได้มาซึ่งความสมดุลของร่างกายและจิตใจ เพราะ “จิตใจที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง”