อาการปวดหลังปวดคอ มักเป็นปัญหาใหญ่ของคนที่มีอายุตั้งแต่เลขสามขึ้นไป เช่น มนุษย์เงินเดือนในออฟฟิศ ที่ต้องนั่งพิมพ์งานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ผู้สูงอายุที่สังขารเสื่อมไปตามเวลา ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุหรืออาจเกิดมาจากโรคต่างๆ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลัง แต่บางคนมีอาการเป็นเวลานานเรื้อรัง สร้างความทรมานและไม่สะดวกต่อการดำเนินชีวิต อย่าตกใจไป อาการปวดเหล่านี้คุณสามารถบำบัดรักษาให้หายด้วยตัวเองที่บ้าน เพียงปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบ DIY
เพ็ญพิชชากร แสนคำ ผู้อำนวยการสถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย อริยะ ( ARIYAWELLNESS CENTER ) อธิบายถึงสาเหตุของการอาการปวดว่า เนื่องจาก หลังส่วนล่างเป็นบริเวณที่ต้องแบกรับน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่อง หากมีการใช้อิริยาบถที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดอาการปวดตามมาได้ ซึ่งอาการปวดหลังส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้พยุงหลัง กระดูกสันหลัง รวมทั้งหมอนรองกระดูก ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่มีอาการปวดหลัง ประมาณ 80 % จะมีสาเหตุมาจากการใช้อิริยาบถที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เมื่อยล้า สะสมนานเข้าก็จะนำไปสู่อาการปวดและจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับอิริยาบถหรือพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้องจำเป็นต้องแก้ไข สำหรับคนที่สงสัยว่ามีอาการปวดจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง เริ่มจากการนั่งไขว่ห้าง นั่งปุ๊บขาไขว้กันปั๊บ แต่รู้หรือไม่ท่าแบบนี้แหละ ที่อาจทำให้กระดูกสันหลังคดได้ หนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบนั่งแล้วนึกว่าสบาย รีบแก้ไขแบบด่วน ! ด่วน !
ต่อมาคือการนั่งกอดอก ขอให้เป็นแค่ท่าประกอบสำหรับถ่ายรูปแบบสนุกๆ เท่านั้น แต่อย่านั่งจนเคยชินล่ะ เพราะการนั่งกอดอกจะทำให้หลังช่วงบน สะบัก และหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อม และงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรงหรือชาได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง และเป็นสาเหตุของการอาการปวดศีรษะหรืออาจทำให้เป็นไมเกรนเรื้อรังได้
ส่วนคนที่ชอบนั่งหลังค่อมเพราะเมื่อยหรืออะไรก็แล้วแต่ นอกจากเสียบุคลิกแล้วยังจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแลกติค ทำให้มีอาการเมื่อยล้า ปวด และมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปได้ การนั่งเก้าอี้ไม่เต็มก้นก็จะทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก ควรนั่งเต็มๆ ก้นจะดีกว่า
พูดถึงเรื่องนั่งไปแล้ว การยืนก็สำคัญ เมื่อยนักพักขาสักข้างดีกว่า ถ้าคุณทำแบบนี้บ่อยๆ ก็เสี่ยงที่จะทำให้กระดูกเชิงกรานบิดเบี้ยวส่งผลให้กระดูกสันหลังคด เช่นเดียวกับการยืนแอ่นพุง หรือค่อมหลัง ก็ต้องรีบเปลี่ยนให้ตัวเอง ยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อย เพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่างไม่ให้แอ่น และทำให้ไม่ปวดหลังนั่นเอง นอกจากนี้การยืนบนรองเท้าส้นสูง ( ปรี๊ด ) ยังจะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ นำไปสู่อาการปวดหลังและการมีโครงสร้างร่างกายที่ผิดปกติ นอกจากนี้ยังไม่ควรสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียวต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้เช่นเดียวกัน
ส่วนสาวๆ ที่ช็อปกระจายจนลืมไปว่าหิ้วของหนักไหล่แทบทรุดก็เช่นกัน นอกจากเสี่ยงต่อนิ้วล็อคอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ยังอาจทำให้เส้นเอ็นมีการเสียดสีและเกิดพังผืดในที่สุด ยิ่งหิ้วหนักมากๆ จะทำให้รั้งกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ และเกี่ยวโยงไปถึงกระดูกคอ ทำให้กล้ามเนื้อคอเกร็งมากกว่าปกติ มีผลต่อการทรุดของกระดูกและกดทับเส้นประสาทได้
ปิดท้ายด้วยการนอน การนอนหงายเป็นท่านอนที่ถูกต้องที่สุด โดยนอนให้ศีรษะอยู่ในแนวระนาบ ขนานกับเพดาน ไม่แหงนหน้า หรือก้มคอมากเกินไป หมอนหนุนศีรษะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ควรมีหมอนรองใต้เข่า เพื่อลดความแอ่นของกระดูกสันหลังช่วงล่าง หากจำเป็นต้องนอนตะแคงให้หาหมอนข้างก่าย โดยก่ายให้ขาทั้งหมดอยู่บนหมอนข้าง เพื่อรักษาแนวกระดูกให้อยู่ในแนวตรง
สำหรับคนที่มีอาการปวดหลังและคอ รวมทั้งคนที่ยังไม่เป็น ก็ควรสร้างความแข็งแรงให้กับหลังด้วยท่าบริหารง่ายๆ ต่อไปนี้คุณสามารถทำที่บ้า โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์พิเศษใดๆ เช่น การยืน ยืนให้เท้าแยกขนานกันกว้างเท่าสะโพก มือประสานไว้บนศีรษะ เอียงตัวไปด้านข้าง ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำ 3-5 ครั้งในแต่ละข้าง , การนั่ง – นั่งบนเก้าอี้ ก้มตัวลงเอามือแตะพื้น จนกระทั่งเริ่มมีอาการตึงหลัง ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำครั้งละ 3-5 ครั้ง , การนอน – นอนคว่ำ เอาหมอนหนุนสะโพกและท้องน้อย ยกเท้าขึ้นค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำข้างละ 10 ครั้ง หรือ นอนหงายชันเข่าเป็นรูปตัววี ( V ) มือวางแนบลำตัว เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องและก้น กดหลังบริเวณเอวให้หลังติดพื้น ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง
นอกจากนี้ การยกของต้องระวังเป็นพิเศษ หากจะยกของ ต้องย่อเข่าลงยกของ ก่อนยกให้อยู่ในท่าหลังตรง ไม่ควรโน้มตัวลง จากนั้นเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วยกโดยใช้กล้ามเนื้อขา จากนั้นยืดเข่าขึ้นยืนให้มั่นคง ยกของโดยให้ของอยู่ชิดตัวเพื่อกระจายน้ำหนัก อย่ายกของหนัก ซึ่งตั้งอยู่สูงกว่าระดับเอว เมื่อจะวางก็ทำเช่นเดียวกับตอนจะยก
ความรู้ต่างๆ เหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่เราสามารถนำไปปฏิบัติได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันและบำบัดอาการปวดหลัง ซึ่งเราจะสามารถทำได้ โดยอาศัยสติให้ระลึกรู้อยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นอาการปวดก็จะกลับมาเยือนท่านไม่วันใดก็วันหนึ่ง